ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากหนังสือ
ก่อนการเดินทางมาที่อเมริกาในครั้งแรกนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมมีหลายอย่างจนบางทีก็ล้าๆ ไปเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการกรอก DS-160 ในระบบออนไลน์เกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ และจุดประสงค์ในการเดินทางไปที่ประเทศอเมริกา จากนั้นก็ปริ้นออกมา นำบาร์โค้ดที่ได้ไปจ่ายเงินเพื่อจะได้นัดวันสัมภาษณ์วีซ่า ซึ่งจะต้องรอจนกว่าระบบจะแจ้งเข้ามาใน email เราจึงจะสามารถเลือกวัน เวลาที่จะเข้าสัมภาษณ์ เตรียมเอกสารเพื่อขอวีซ่า เข้าสัมภาษณ์วีซ่าโดยต้องไปก่อนเวลาและมีการเตรียมตัวทั้งทางด้านเอกสารและการตอบคำถาม มีความคาดหมายว่าทุกคนในกลุ่มจะสามารถผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าทันวันกำหนดการขึ้นเครื่องตามที่ทางปลายทางได้ซื้อตั๋วไว้ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นก็เตรียมกระเป๋าใบใหญ่ที่มีกุญแจล็อคแบบ TSA เพื่อว่าเวลาถูกสุ่มตรวจกระเป๋า เจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจดูได้เลย จากนั้นก็เตรียมของที่จะใช้ลงในกระเป๋า โดยการทำ check list เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเตรียมของ เวลาจัดของลงในกระเป๋าก็ต้องตรวจดูน้ำหนักกระเป๋าอีกว่าต้องไม่ให้เกิน 23 กิโลกรัม ในจำนวน 2 ใบที่จะโหลดใต้เครื่อง มีกระเป๋า carry on ที่จะใช้ลากขึ้นเครื่อง (ควรใช้กระเป๋าลาก) น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และอีกหนึ่งใบคือ กระเป๋าเป้ ที่จะใส่ laptop เพื่อจะได้เอามาใช้ทำงานสะดวกขึ้น
เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ เพราะว่ามันทำให้เราเห็นอะไรได้มากขึ้น ได้ความคิดใหม่ๆ มากขึ้น แต่พอเทียบกันกับการที่ได้ออกมาเรียนรู้อะไรเองนอกห้องเรียน มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย เหมือนรู้อะไรมากขึ้น เห็นโลก เห็นคน เห็นชีวิต ได้ความคิดใหม่ๆ โดยเฉพาะการทำงานกับคนในทีม
ประสบการณ์ตรงไม่เพียงแค่ทำให้คุณได้ลอง ได้เรียนรู้อะไรที่เป็นของจริงเพียงเท่านั้น แต่มันยังทำให้คุณมีความกล้า ความมั่นใจที่จะเป็นตัวของตัวเองได้มากขึ้นด้วย พอเรามั่นใจในอะไรสักอย่าง การ predict มันก็ง่ายขึ้น accuracy มันก็ชัดเจนขึ้นด้วย