อยู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกเหงา ๆ อย่างบอกไม่ถูก การได้มาทำหน้าที่เป็นครูอาสาตลอดระยะเวลาร่วม 3 เดือนกับคณะครูอาสาทั้ง 12 คนกำลังจะเดินทางมาจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว การได้มาทำหน้าที่ซึ่งไม่เคยได้ทำ การใช้ชีวิตแบบเร่งรีบอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนทำให้เรารู้สึกว้าวุ่นในตอนแรกแต่กลับสนุกในคราวต่อมา
ในวันที่การเรียนการสอนพร้อมกับกิจกรรมมอบสัมฤทธิบัตรจบลง การดำเนินชีวิตของเราก็เริ่มช้าลง ๆ ภาระหน้าที่ที่เคยได้รับผิดชอบก็ลดลง จากแต่ก่อนที่ต้องคิดงานก่อนนอนทุกคืน พิมพ์สิ่งที่ต้องทำของวันพรุ่งนี้เป็นรายการหลายรายการลงไปในไลน์เพื่อนคนหนึ่งเพื่อพรุ่งนี้เช้าจะได้เช็คว่าไม่ได้ลืมสิ่งที่ต้องทำ หรือบางทีก็แทบไม่ต้องคิดเพราะต้องทำเลย งานมีหลายรายการ งานหลายอย่างเราไม่ต้องรอให้มีคนบอกเพราะเรารู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมนั้นให้ดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น
เมื่อถึงวันที่ช่วงเร่งรีบได้กลายมาเป็นช่วงที่อิสระ ในความอิสระมันทำให้เราได้รู้อะไรบางอย่างมากขึ้น แรก ๆ พอเราได้รับความเป็นอิสระทางความคิด ทางเวลา และไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เคยรับผิดชอบซึ่งมันก็ดีมาก แต่พอพักหลัง ความรู้สึกเรามันเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเราไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย เราเลยไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร
เราอยากกลับไปทำงานอย่างเก่า อยากกลับไปดูแลเด็กๆ ดูแลความสะอาดห้องเรียน ห้องน้ำ ห้องออฟฟิส ทำความสะอาดเหมือนอย่างแต่ก่อน มันเป็นความรู้สึกที่คิดถึงการทำประโยชน์เพื่อให้สังคมสามารถดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งมันก็คือการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีนั่นเอง
ทำให้นึกถึงข้าราชการครูท่านหนึ่ง ในครั้งเมื่อเราฝึกสอนในปีสุดท้าย ท่านกล่าวออกมาลอย ๆ ในช่วงที่หลายๆ คนกล่าวแสดงความยินดีในวันที่ท่านใกล้จะผ่านพ้นวัยทำงานไปสู่วัยเกษียณอายุราชการ ท่านกล่าวว่า “ นึกถึงวันที่ต้องตื่นมาแล้วไม่ได้มาทำงานที่โรงเรียน ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านไปอย่างช้า ๆ ไม่รู้จะทำได้ไหม มันคงจะเหงา ๆ และแปลก ๆ ” คำพูดของท่านยังตราตรึงอยู่ในใจและยิ่งชัดเจนขึ้นในตอนนี้
การดำเนินชีวิตในแบบที่เคยเป็น เมื่อมันได้เปลี่ยนไป การทำความเข้าใจคงต้องเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
>>> WHAT IT SHOULD BE DONE, I'VE DONE IT ALREADY.<<<
>>>TIME TO MOVE FORWARD AGAIN, AND SURE ..AGAIN AND AGAIN.<<<